เอ็นคอนเส็ปท์เปิดเวทีเสวนาการศึกษา โชว์หลากสถิติวิเคราะห์องค์ประกอบการศึกษา เผยเทร็นด์อนาคต ชี้จุดอ่อน จุดแข็งและโอกาสของเด็กเจเนอเรชั่น Z ท่ามกลางกระแส Disruption หลังพบผลคะแนน Pisa ซึ่งใช้วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กอายุ 15 ในแต่ละประเทศชี้ให้เห็นว่าระบบสติปัญญาของเด็กไทยห่างจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วถึง 6 ปี
นายธานินทร์ เอื้ออภิธร ผู้บริหารโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษเอ็นคอนเส็ปท์ เปิดเผยถึงสถานการณ์และภาพรวมของการศึกษาว่ามีการเคลื่อนไหวที่ควรตระหนักถึงใน 3 ปัจจัย ได้แก่การศึกษาของประเทศที่พัฒนาแล้ว มีศักยภาพและความพร้อมในการเรียนรู้ที่มากกว่าประเทศที่กำลังพัฒนากว่า 6 เท่าจากผลการสอบ Pisa เท่ากับว่าเด็กชั้นประถม 3 ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วเช่น ฟินแลนด์ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น มีระดับสติปัญญาเท่ากับเด็กมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของไทย ปัจจัยต่อมาคือการแข่งขันในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งไทยมีข้อเสียเปรียบทั้งทางด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและแรงงาน นอกจากนี้การสอบ Pisa ยังระบุว่าประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ยังมีค่าวัดระดับสติปัญญาที่สูงกว่าไทยอีกด้วย ปัจจัยสุดท้ายคือเทคโนโลยี AI ที่มีศักยภาพมากกว่ามนุษย์ถึง 30,000 เท่า ซึ่งในอนาคตอันใกล้ AI จะเข้ามามีบทบาทกับการดำรงชีวิตของมนุษย์มากขึ้นเป็นเหตุให้เราต้องเพิ่มสติปัญญาและศักยภาพเพื่อแข่งขันกับเทคโนโลยี
โดยเปิดเผยเพิ่มเติมว่าสถานการณ์การศึกษาของโลกในปัจจุบันกำลังถูก Disruption และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จนเกิดเทรนด์ใหม่ของการศึกษาได้แก่ Highly Actively Learn – คือผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้, Highly Adaptive – ผู้เรียนปรับตัวเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ , Highly Globalized – การแลกเปลี่ยนการเรียนรู้และหลักสูตรในระดับประเทศ, Highly Personalized – การเลือกเรียนและปรับเปลี่ยนตามรูปแบบความสนใจของแต่ละบุคคล และสุดท้าย Highly Focused yet Flexible – การเรียนแบบโฟกัสแต่ยังยืดหยุ่น ส่วนสถานการณ์การศึกษาไทยเองก็ยังคงน่าจับตามองในด้านของความนิยมของบางกลุ่มอาชีพซึ่งทำให้โครงสร้างของการศึกษานั้นตอบโจทย์กับเด็กเฉพาะกลุ่ม ในขณะที่รูปแบบของการสอบ TCAS ก็ยังคงต้องมีการพัฒนาเพื่อให้เหมาะสมและไม่เกิดความเหลื่อมล้ำ สุดท้ายคือความนิยมในกลุ่มผู้ปกครองยุคใหม่ที่เลือกให้ลูกเรียนในโรงเรียนอินเตอร์เนื่องจากต้องการยกระดับสิ่งแวดล้อมและระบบการศึกษาที่ดีที่สุดให้กับลูกของตน
ทั้งนี้เอ็นคอนเส็ปท์เล็งเห็นถึงปัญหาและความเปลี่ยนแปลง จึงได้ตั้งรับด้วยแผนงานที่มุ่งเน้นกระจายความเท่าเทียมกันทางการศึกษา ดังจะเห็นได้จาก 2 แผนงานที่ร่วมมือกับภาครัฐ ได้แก่ ติวฟรีดอทคอม และ Echo English ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยี Edtech มาปรับใช้กับรูปแบบการศึกษาไทย โดยในปีนี้เอ็นคอนเส็ปท์ก็ยังจะมีนวัตกรรมในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาวงการการศึกษาไทย
ด้านครูพี่กิ๊บ Oxford วลีรัตน์ หาญเมธีคุณา ได้ให้รายละเอียดถึงเจเนอเรชั่น Z ซึ่งเป็นช่วงวัยของเด็กในยุคปัจจุบัน ที่เน้นการค้นหาตัวตนและต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ไม่ใช่แค่การขยันหรือทำงานหนักแล้วจะประสบความสำเร็จเหมือนกับคนในเจอเนอเรชั่น X และ Y โดยเด็กในเจเนอเรชั่น Z จะเน้นค้นหาความเป็นตัวเอง (Self-searching) ซึ่งต้องควบคู่ไปกับทักษะในการรับมือกับ Disruption ในสถานการณ์ที่มีการแข่งขันสูง จึงต้องมี 4C ซึ่งเป็นความสามารถในการปรับตัวที่ต้องปลูกฝังในเด็กเจเนอเรชั่น Z ได้แก่ C- Competition ทักษะของการปรับตัวไปกับการแข่งขันและความไม่แน่นอนที่มีแนวโน้มสูงมากขึ้นในอนาคต, C-Copy เรียนรู้และต่อยอดได้อย่างรวดเร็ว, C-Challenge การทำสิ่งที่ท้าทายความสามารถของตนเอง และ C-Confirm คือการค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง นำไปสู่การเป็น Find Generation หรือการค้นพบความสำเร็จในรูปแบบของตัวเอง ที่สามารถกล่าวได้ว่าเป็น BE 1 in a million (บี วัน อิน อะ มิลเลียน) ซึ่งจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้ในศตวรรษที่ 21
โดยสามารถหาข้อมูลด้านการศึกษาและการปรับตัวของเจเนอเรชั่น Z เพิ่มเติมได้เพิ่มเติมในงาน Think Beyond Be#1 “The Journey to be Number 1” งานแนะแนววางแผนการเรียนอันดับ 1 เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ค้นพบเส้นทางความสำเร็จแห่งอนาคต ในวันเสาร์ที่ 2 มีนาคม 2562 เวลา 9.00-15.30 น. ณ ชั้น 6 โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย รอยัล แกรนด์เธียเตอร์ สยามพารากอน ลงทะเบียนสำรองที่นั่งได้ที่ http://bit.ly/2CpA4XK Line : Enconcept หรือที่เอ็นคอนเส็ปท์ทุกสาขา โทร 02-736-3636